ล้างจมูก

กันยายน 9, 2025

ล้างจมูก วิธีการดูแลสุขภาพที่ดีต่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายได้จริง

การล้างจมูก อาจฟังดูเหมือนเป็นกิจกรรมเฉพาะทาง แต่ในความจริงแล้วกลับเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถทำได้เองที่บ้าน และส่งผลดีอย่างมากต่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในยุคที่ฝุ่น PM2.5 เชื้อไวรัส และสารก่อภูมิแพ้อยู่รอบตัวเรา นอกจากช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก หรือภูมิแพ้แล้ว การล้างจมูกยังช่วยลดโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางโพรงจมูก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการป้องกันในเชิงรุกที่ทั้งปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ทำไมการล้างจมูกจึงสำคัญ? โพรงจมูกของเรา คือด่านแรกที่อากาศจากภายนอกจะเข้าสู่ร่างกาย ก่อนลงสู่หลอดลมและปอด ซึ่งในอากาศมีทั้งฝุ่น ควัน เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ เมื่อสิ่งสกปรกเหล่านี้เข้าสู่จมูก หากไม่มีการชะล้างออก อาจสะสมกลายเป็นสาเหตุของการอักเสบ ติดเชื้อ หรือทำให้ภูมิแพ้กำเริบได้ง่ายขึ้น การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือปลอดเชื้อ (Normal Saline 0.9%) จึงเป็นวิธีที่ง่าย ๆ ที่จะช่วยชะล้างสิ่งเหล่านี้ออกจากโพรงจมูกได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งยา และไม่ทำลายเยื่อบุภายใน ที่สำคัญ สามารถทำได้ทุกวันด้วยตนเองที่บ้าน การล้างจมูกดีอย่างไร ทำไมถึงต้องล้างจมูก?  กำจัดเชื้อโรค ป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถช่วยชะล้างฝุ่นละออง เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ที่สะสมในโพรงจมูก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ หรือใกล้แหล่งมลพิษ โดยเมื่อเราใช้ขวดบีบหรือเนติพอต (Neti pot) ฉีดน้ำเกลือลงไปในรูจมูก น้ำจะไหลผ่านโพรงจมูกและนำสิ่งสกปรกออกไป เมื่อระบบทางเดินหายใจปลอดจากเชื้อโรค ก็จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่อาจเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ลดอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก น้ำมูกและอาการคัดจมูกมักเกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค ฝุ่น หรือสารก่อภูมิแพ้ หากปล่อยไว้นานอาจเกิดการสะสมและอักเสบ ดังนั้นการล้างจมูกจึงไม่เพียงแต่ช่วยกำจัดเชื้อโรคให้เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการช่วยบรรเทาอาการน้ำมูกไหล และลดความถี่ของอาการคัดจมูกได้ ซึ่งหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการนอนหลับ การพูด และการใช้ชีวิตประจำวัน ช่วยให้หายใจคล่อง หายใจสะดวกขึ้น เมื่อจมูกปลอดจากสิ่งอุดตันเยอะ ก็จะช่วยคืนความสะดวกให้กับการหายใจโดยธรรมชาติ การล้างจมูกจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทำให้รู้สึกหายใจเต็มปอด ได้อากาศเข้าปอดดีขึ้น ลดอาการหายใจไม่สะดวกในช่วงที่คัดจมูกหรือภูมิแพ้ นอกจากล้างจมูกนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เยื่อบุจมูกทำงานได้ดีขึ้น สามารถกรอง ฝุ่น และควบคุมความชื้นของอากาศก่อนเข้าสู่ปอด บรรเทาอากาศภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ ล้างจมูกเป็นวิธีบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่สามารถทำได้เองที่ง่าย ๆ ที่บ้าน เนื่องจากผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ เช่น ไอ จาม น้ำมูกไหล หรือคัดจมูก จากฝุ่น หรือเกสรดอกไม้ มีโอกาสได้รับสารก่อภูมิแพ้ผ่านทางจมูก เมื่อสิ่งเหล่านั้นเข้าไปตกค้างในโพรงจมูก จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนอง เกิดอาการเรื้อรัง การล้างจมูกจึงช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ การล้างจมูกช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้จริงหรือไม่? อ้างอิงข้อมูลจาก โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย 4 ศูนย์กุมารเวช ระบุว่าจริง ๆ แล้ว การล้างจมูกด้วยน้ำเปล่าอาจไม่ได้ช่วยในการบรรเทาอาการภูมิแพ้ แต่หากใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ นั้นสามารถช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้จริง ๆ เนื่องจากการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ จะทำให้น้ำมูกที่เหนียวข้น และสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ รวมถึงเชื้อโรค แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ออกมาง่ายขึ้น โอกาสที่จะป่วยเป็นภูมิแพ้น้อยลงด้วย ล้างจมูกกับอาการไซนัสและหวัด อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หนักหัว หรือปวดบริเวณโหนกแก้มเป็นสัญญาณของไซนัสอักเสบ (sinusitis) ที่มักตามหลังการเป็นหวัด หรือภูมิแพ้เรื้อรัง แม้ไม่ร้ายแรงนัก แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ กิติ ขนบธรรมชัย จากโรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวว่า การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ถือเป็นแนวทางง่าย ๆ ที่แพทย์แนะนำสำหรับบรรเทาอาการไซนัส เพราะล้างจมูกจะช่วยชะล้างเมือก ฝุ่น และเชื้อโรคในโพรงจมูกและไซนัส ทำให้หายใจโล่ง ลดการอักเสบ และช่วยให้ยาที่ใช้รักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ล้างจมูกให้สะอาด ปลอดภัย ควรเลือกน้ำเกลือสำหรับล้างจมูกแบบไหนดี? น้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูกควรเป็นน้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Sterile Normal Saline 0.9%) ซึ่งมีความเข้มข้นของเกลือโซเดียมคลอไรด์เท่ากับ 0.9 เปอร์เซ็นต์ หรือเท่ากับความเข้มข้นของของเหลวในร่างกายมนุษย์ จึงไม่ทำให้แสบหรือระคายเคืองเยื่อบุโพรงจมูก โดยน้ำเกลือประเภทนี้แตกต่างจากน้ำเกลือทำแผล หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่อาจมีส่วนผสมอื่นนอกเหนือจากเกลือและน้ำ จึงไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้ล้างโพรงจมูก อีกทั้งการล้างจมูกไม่ควรใช้น้ำเปล่าหรือน้ำประปาล้างจมูกโดยตรง แม้จะดูเหมือนไม่อันตราย แต่น้ำประปาหรือน้ำดื่มทั่วไปอาจมีจุลินทรีย์หรือสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็น เช่น เชื้อโปรโตซัว (เช่น Naegleria fowleri) ซึ่งอาจเป็นอันตรายหากเข้าสู่โพรงจมูกและสมอง โดยเฉพาะในเด็กหรือผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ที่ล้างจมูกผู้ใหญ่ VS เด็ก แตกต่างกันอย่างไร?  การล้างจมูกถือเป็นหนึ่งในวิธีดูแลสุขภาพจมูกที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาทางด้านภูมิแพ้ จมูกอักเสบ หรือหวัดเรื้อรัง แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือ อุปกรณ์ล้างจมูกของผู้ใหญ่และเด็กไม่เหมือนกัน แม้หลักการล้างจมูกจะคล้ายกัน แต่ความแตกต่างของร่างกายระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก โดยเฉพาะเรื่องขนาดโพรงจมูก ความแรงของน้ำ และการควบคุมการล้าง ทำให้การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับช่วงวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะหากใช้ผิดประเภท อาจก่อให้เกิดอันตราย หรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างอุปกรณ์ล้างจมูกสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก อยู่ที่ ขนาดของอุปกรณ์และแรงดันน้ำที่ใช้ ผู้ใหญ่ มักใช้อุปกรณ์ที่ให้แรงดันสูงและปริมาณน้ำมาก เช่น ขวดล้างจมูก ความจุประมาณ 20–50 มิลลิลิตร เพื่อให้มีแรงดันเพียงพอสำหรับชะล้างโพรงจมูกที่ลึกและกว้าง เด็ก จะใช้อุปกรณ์ที่ควบคุมแรงดันให้อ่อนโยนและปลอดภัย เช่น ลูกยางแดง หรือขวดล้างจมูกที่มีหัวจุกซิลิโคน ความจุประมาณ 5–10 มิลลิลิตร เหมาะกับโพรงจมูกที่ยังเล็กและบอบบาง ตามคำแนะนำในหลายแนวทางปฏิบัติ (guideline) ระบุว่า การล้างแบบ High Volume (>100 มิลลิลิตร) เหมาะสำหรับเด็กโตที่สามารถกลั้นหายใจได้ ส่วนเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ควรใช้เพียงลูกยางแดงหรือวิธีหยดน้ำเกลือเท่านั้น คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการล้างจมูก  ล้างจมูกบ่อยแค่ไหนถึงจะดี? โดยทั่วไปสามารถล้างจมูกได้วันละ 1 ถึง 2 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน เพื่อชะล้างสิ่งสกปรก สารก่อภูมิแพ้ และเมือกในโพรงจมูก หากใครที่มีอาการภูมิแพ้มาก เป็นหวัด หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองสูง เช่น ฝุ่น PM2.5 หรือเกสรดอกไม้ อาจเพิ่มความถี่ในการล้างจมูกได้เป็น 2 ถึง 3 ครั้งต่อวัน โดยไม่มีอันตราย อย่างไรก็ตาม หากมีอาการแสบหรือรู้สึกแน่นจมูกหลังล้าง ควรลดความถี่ลง หรือปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติม ล้างแล้วแสบจมูก ควรทำอย่างไร? อาการแสบจมูกหลังล้างอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำเกลือเข้มข้นหรือเจือจางเกินไปสำหรับล้างจมูก อุณหภูมิน้ำเกลือไม่เหมาะสม ล้างจมูกผิดวิธี หรือบางคนอาจมีอาการเยื่อบุจมูกอักเสบ จึงทำให้รู้สึกแสบหลังจากการล้างจมูก วิธีแก้ไข คือให้ใช้น้ำเกลือที่เหมาะสมควรมีความเข้มข้นใกล้เคียงกับน้ำในร่างกาย หรือน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ (normal saline) และค่อย ๆ ล้างอย่างช้า ๆ ไม่รีบ ไม่ออกแรงฉีดมากจนเกินไป ล้างจมูกตอนเป็นหวัดได้ไหม? ทุกคนสามารถล้างจมูกในช่วงที่เป็นหวัดได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีน้ำมูกข้นหรือคัดจมูกมาก เพราะน้ำเกลือจะช่วยชะล้างน้ำมูก เมือก และเชื้อโรคออกจากโพรงจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ไซนัสอักเสบ และช่วยให้หายจากหวัดได้เร็วขึ้น โดยใช้น้ำเกลือสำหรับล้างจมูก เช่น น้ำเกลือปราศจากเชื้อ และใครที่มีอาการเจ็บในโพรงจมูกต้องล้างอย่างเบามือ รวมถึงหากมีอาการหูอื้อ ปวดหู หรือเคยผ่าตัดไซนัส ควรปรึกษาแพทย์ก่อนล้างจมูกในขณะเป็นหวัดทุกครั้ง   น้ำเกลือปราศจากเชื้อคุณภาพสูง สะอาดปลอดภัย ความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ ต้อง GHP   หากคุณกำลังมองหาน้ำเกลือปราศจากเชื้อที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานสำหรับใช้ล้างจมูกในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ GHP คือน้ำเกลือคุณภาพสูง ความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์ อีกทั้งที่นี่เรายังมีจำหน่ายอุปกรณ์ล้างจมูก อย่างขวดล้างจมูกที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ให้สุขภาพของคุณและคนที่คุณรักเริ่มต้นจากการหายใจได้สะอาด ปลอดภัย ด้วยผลิตภัณฑ์จาก GHP สั่งซื้อหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.ghp.co.th
อ่านเพิ่มเติม
ตุลาคม 15, 2024
ล้างจมูก คือ

ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (Nasal Irrigation) ลดโรค ปลอดเชื้อ วิธีป้องกันเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย

การล้างจมูก (Nasal Irrigation) คือกระบวนการทำความสะอาดโพรงจมูกด้วยการใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อ (น้ำเกลือ isotonic ที่มีความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์) เพื่อขจัดสิ่งสกปรก เมือก และสารก่อภูมิแพ้ที่สะสมอยู่ในโพรงจมูก การล้างจมูกไม่เพียงแต่จำเป็นเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยหรือเป็นโรคภูมิแพ้เท่านั้น แต่คนสุขภาพแข็งแรง ที่มีความต้องการที่จะดูแลจมูกทั้ง ผู้ใหญ่ และเด็กก็สามารถล้างจมูกได้เช่นกัน การล้างจมูกมีประโยชน์อย่างไร? 1.การขจัดสารระคายเคืองและสารก่อภูมิแพ้ ในชีวิตประจำวัน โพรงจมูกของเรามีโอกาสสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ รวมถึงมลพิษต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อสารเหล่านี้เข้าสู่โพรงจมูกจะก่อให้เกิดอาการคัดจมูก จาม และน้ำมูกไหล มักพบในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ซึ่งการล้างจมูกจะล้างเอาสิ่งสกปรกและสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ออกจากโพรงจมูก จึงช่วยลดอาการแพ้และทำให้หายใจสะดวกขึ้น 2.ลดการอักเสบของโพรงจมูกและไซนัส การล้างจมูกช่วยขจัดน้ำมูกและเมือกที่สะสมในโพรงจมูกและไซนัส เมือกที่สะสมเหล่านี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบ การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือช่วยล้างเมือกที่ค้างอยู่ ลดโอกาสการเกิดการอักเสบหรือไซนัสอักเสบได้ดี โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาไซนัสอักเสบเรื้อรัง 3.ส่งเสริมสุขอนามัยโพรงจมูก การล้างจมูกอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นวิธีดูแลรักษาความสะอาดของโพรงจมูกที่ดี เมื่อทำเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดหรือในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง การล้างจมูกจะช่วยป้องกันเชื้อโรคไม่ให้สะสมในโพรงจมูก ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนได้ ทั้งเชื้อไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ 4.บรรเทาอาการคัดจมูกและหายใจติดขัด การคัดจมูกเกิดจากการสะสมของเมือกและการอักเสบของเยื่อบุจมูก ส่งผลให้ทางเดินหายใจอุดตันได้ง่าย ซึ่งการล้างจมูกจะช่วยระบายเมือกที่อุดตันในโพรงจมูกและลดอาการอักเสบ ทำให้โพรงจมูกโล่งขึ้นและสามารถหายใจได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการคัดจมูกจากไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคภูมิแพ้ 5.ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้โพรงจมูก ในบางกรณี อาทิ เมื่ออยู่ในสภาพอากาศแห้ง หรือใช้เครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน อาจทำให้โพรงจมูกแห้ง และก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเลือดกำเดาไหลได้ การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เยื่อบุโพรงจมูก ป้องกันการแห้งและบรรเทาอาการระคายเคืองในโพรงจมูก 6.ช่วยรักษาภาวะหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) และการนอนกรน ผู้ที่มีภาวะหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) หรือมีปัญหานอนกรน มักมีสาเหตุจากการอุดตันในโพรงจมูกหรือทางเดินหายใจ ดังนั้นการล้างจมูกจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น หายใจได้สะดวกขณะนอนหลับ ลดอาการนอนกรน และปรับปรุงคุณภาพการนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 7.การเตรียมจมูกก่อนการใช้ยาพ่นจมูก ผู้ที่ใช้ยาพ่นจมูก ทั้งกลุ่มยารักษาโรคภูมิแพ้หรือยารักษาไซนัส การล้างจมูกให้สะอาดก่อนการพ่นยาจะทำให้ยาที่พ่นสามารถออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น เนื่องจากยาสามารถสัมผัสกับเยื่อบุโพรงจมูกได้โดยตรงและกระจายไปทั่วโพรงจมูกได้ดียิ่งขึ้น 8.ลดการใช้ยาลดอาการคัดจมูก การล้างจมูกเป็นวิธีที่ลดอาการคัดจมูกที่นอกจากการพึ่งพายาในการบรรเทาอาการคัดจมูก โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ยาพ่นจมูกหรือยาลดน้ำมูกบ่อย ๆ การล้างจมูกช่วยให้คุณสามารถควบคุมอาการได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยา รวมถึงลดความเสี่ยงจากการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานได้อีกด้วย ใครที่บ้างที่ควรล้างจมูก ผู้ที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ จะมีการสะสมของสารเหล่านี้ในโพรงจมูก การล้างจมูกจะช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ออกจากโพรงจมูก ทำให้อาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหลลดลง และรู้สึกสบายขึ้น ผู้ที่เป็นโรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) ไซนัสอักเสบเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงไซนัสโพรงอากาศข้างจมูเกิดการอักเสบบวมจากการติดเชื้อ การล้างจมูกสามารถขจัดน้ำมูกที่สะสมในโพรงจมูกและไซนัส ซึ่งช่วยลดการอักเสบและช่วยระบายของเสียออกจากโพรงไซนัส ทำให้หายใจสะดวกขึ้น ผู้ที่เป็นโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ การล้างจมูกสามารถลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือความอุดตันในโพรงจมูกที่มักเกิดขึ้นเมื่อเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ได้ ด้วยการขจัดเอาเชื้อโรคและเมือกที่เป็นแหล่งสะสมออกไป ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองมาก สำหรับผู้ที่อาศัยหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองหรือมลพิษทางอากาศ การล้างจมูกจะช่วยขจัดฝุ่นหรือสารมลพิษที่เข้าไปสะสมในโพรงจมูก ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคืองหรืออักเสบในระบบทางเดินหายใจ ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดทางจมูก ผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดทางจมูก เช่น การผ่าตัดไซนัสหรือการผ่าตัดเนื้องอกในจมูก แพทย์อาจแนะนำให้ล้างจมูกเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและป้องกันการติดเชื้อหรือน้ำมูกสะสม ผู้ที่มีปัญหาการนอนกรนหรือนอนหลับไม่สนิท บางคนที่มีปัญหานอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอาจมีสาเหตุมาจากการอุดตันของทางเดินหายใจส่วนบน การล้างจมูกช่วยทำความสะอาดทางเดินหายใจและลดการอุดตัน ทำให้หายใจได้ดีขึ้นขณะนอนหลับ ผู้ที่มีอาการแห้งในโพรงจมูก ผู้ที่อยู่ในสภาพอากาศที่แห้งหรือใช้เครื่องปรับอากาศเป็นประจำ มักมีปัญหาเรื่องจมูกแห้งหรือเยื่อบุจมูกแห้ง การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการระคายเคืองในโพรงจมูก ผู้ที่มีอาการหายใจลำบาก บุคคลทั่วไปที่มีปัญหาการหายใจไม่สะดวก ไม่ว่าจะมีอาการคัดจมูกเรื้อรัง ป่วยเป็นหวัด หรือเป็นโรคหอบหืด ต่างได้รับประโยชน์จากการล้างจมูกทั้งสิ้น เพราะการล้างจมูกที่ถูกวิธีจะช่วยลดการอุดตันและเพิ่มการไหลเวียนของอากาศในโพรงจมูก ช่วยให้สามารถหายใจได้คล่องขึ้น อุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการล้างจมูก น้ำเกลือล้างจมูก การล้างจมูกที่ดีต่อสุขภาพ ควรต้องล้างด้วยน้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อ Isotonic sterile Saline Solution หรือสามารถทำน้ำเกลือเองได้ด้วยการผสมน้ำต้มสุก (ที่ปล่อยให้เย็น) กับเกลือบริสุทธิ์ (ไม่เจือสารอื่น) ในอัตราส่วนที่เหมาะสม (น้ำเกลือ 0.9 เปอร์เซ็นต์ Sodium Chloride)หรือ isotonic  เนื่องจากน้ำเกลือจะช่วยล้างเมือกและสิ่งสกปรกออกจากโพรงจมูกโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูก ต่างกับน้ำเปล่าที่เพียงแค่ชะล้างสิ่งสกปรกบางส่วนออกไปเท่านั้น ขวดล้างจมูก ขวดล้างจมูกเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ล้างจมูกโดยเฉพาะ ซึ่งมีหัวจุกสำหรับปล่อยน้ำเกลือเข้าสู่โพรงจมูกได้ง่ายและแม่นยำ เช่น ขวดไซริงค์ หรืออุปกรณ์ล้างจมูกที่ใช้แรงดันอ่อน ๆ เป็นต้น ขั้นตอนการล้างจมูกที่ถูกต้อง เริ่มจากการล้างมือและขวดล้างจมูกให้สะอาด เทน้ำเกลือสำหรับล้างจมูกลงในขวดล้าง ประมาณ 10 ถึง 15 มิลลิลิตร สำหรับผู้ใหญ่ และปริมาณ 5 มิลลิลิตร สำหรับเด็ก จากนั้นให้โน้มตัวเหนืออ่างล้างหน้า ก้มหน้า สอดจุกจากขวดล้างเข้าไปในรูจมูกเล็กน้อย และค่อย ๆ ฉีดพ่นน้ำเกลือเข้ารูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง (กลั้นหายใจในขณะล้างจมูก) ซึ่งน้ำเกลือและสิ่งอุดตันในจมูกจะไหลออกจากรูจมูกทั้ง 2 ข้าง สั่งน้ำมูกที่ค้างอยู่ออกเบา ๆ บางคนอาจมีน้ำเกลือบางส่วนไหลออกมาทางปากให้บ้วนทิ้งด้วย ล้างจมูกด้วยวิธีเดิมในจมูกอีกข้างหนึ่ง และทำซ้ำสลับทั้งสองข้างจนรู้สึกหายใจโล่งขึ้น เมื่อล้างจมูกเสร็จแล้ว อย่าลืมล้างอุปกรณ์ทำความสะอาดทุกชิ้นด้วยน้ำเปล่าและผึ่งให้แห้ง การล้างจมูกมีอันตรายหรือไม่? การล้างจมูกสามารถทำได้อย่างปลอดภัยและมีประโยชน์หากปฏิบัติอย่างถูกต้อง แต่หากทำไม่ถูกวิธีหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด อาจเกิดความเสี่ยงหรือมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพร่างกายได้เหมือนกัน ดังนี้ การติดเชื้อ: หากใช้น้ำที่ไม่สะอาดหรือน้ำประปาที่ไม่ผ่านการกรองหรือฆ่าเชื้อล้างจมูก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในโพรงจมูกหรือไซนัส เนื่องจากเชื้อโรคในน้ำอาจเข้าสู่ร่างกาย การทำให้จมูกแห้งเกินไป: การล้างจมูกบ่อยเกินไปหรือใช้สารละลายที่มีความเข้มข้นไม่เหมาะสม เช่น สารละลายเกลือที่มีความเข้มข้นสูง อาจทำให้โพรงจมูกแห้งและเกิดการระคายเคือง อาการระคายเคืองหรือเจ็บในโพรงจมูก: การใช้อุปกรณ์ล้างจมูกที่อยู่ในกลุ่มแรงดันสูง ซึ่งในบ้างครั้งจะเกิดแรงดันสูงเกินไป หรืออุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมในการล้างจมูกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือบาดเจ็บในโพรงจมูกได้ น้ำเข้าหูชั้นกลาง: หากล้างจมูกด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และใช้อุปกรณ์ล้างจมูกกลุ่มแรงดันสูง อาจทำให้น้ำซึมเข้าหูชั้นกลางผ่านท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือหูอื้อได้ ข้อควรระมัดระวังเมื่อล้างจมูก 1.ใช้น้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อ น้ำเกลือ: ควรใช้น้ำเกลือ Sodium Chloride 0.9 เปอร์เซ็นต์ ชนิดปราศจากเชื้อเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนและไม่ระคายเคืองโพรงจมูก หลีกเลี่ยงน้ำเปล่า: ห้ามใช้น้ำประปาหรือสารละลายอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับการแนะนำ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการสำลักหรือแสบโพรงจมูก 2.ความดันน้ำเกลือ ไม่ควรฉีดที่ทำให้เกิดแรงดันสูง: ควรระมัดระวังไม่ให้ฉีดน้ำเกลือด้วยแรงมาก เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในโพรงจมูกหรือทำให้โพรงจมูกอักเสบได้ ควรฉีดที่ทำให้เกิดแรงดันน้อย: การฉีดน้ำเกลือควรทำอย่างช้า ๆ เพื่อให้กระบวนการล้างจมูกเป็นไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย 3.วิธีการสั่งน้ำมูก สั่งน้ำมูกเบาๆ: ควรสั่งน้ำมูกและเช็ดจมูกเบา ๆ เพราะการสั่งน้ำมูกแรง ๆ อาจทำให้เกิดอาการหูอื้อหรือหูอักเสบได้ ไม่ควรอุดรูจมูก: ในขณะที่สั่งน้ำมูก ไม่ควรอุดรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ควรสั่งพร้อมกันทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการเกิดความดันในหู 4.การใช้ยาพ่นหลังจากล้างจมูก รอให้แห้ง: หากต้องการใช้ยาพ่นหลังจากล้างจมูก ควรรอให้โพรงจมูกแห้งก่อนอย่างน้อย 3 ถึง 5 นาที เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นและลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง 5.ความถี่ในการล้างจมูก ไม่ควรล้างบ่อยเกินไป: การล้างจมูกสามารถทำได้ตามความจำเป็น แต่ไม่ควรทำบ่อยเกินไป โดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้วันละ 2 ถึง 3 ครั้งเมื่อมีอาการคัดจมูกหรือรู้สึกไม่สบาย ฟังเสียงร่างกาย: หากรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการผิดปกติหลังจากการล้างจมูก ควรหยุดและปรึกษาแพทย์   ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.sikarin.com/health/nasal-irrigation
อ่านเพิ่มเติม